วันเปิดฉาก จรูญศักดิ์มวยไทย ที่ถูกสลับจับคู่โดยไม่ได้นัด

วันเปิดฉาก ศักราชใหม่ 2566 ด้วยกาเกลื่อนกลาดลับโกรธเบิดความมันที่กรุงเทพฯ ขึ้นป้ายคู่เอกของรายการเป็นการปะทะกัน

วันเปิดฉาก ระหว่างนักมวยระดับซูเปอร์สตาร์ซุปเปอร์บอนสิงห์มาวิน แชมป์โลกวันคิกบ็อกซิ่งรุ่นเฟเธอร์เวต ที่จะคุ้มครองปกป้องตำแหน่งกับผู้ท้าแข่ง “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” ผู้ครอบครองแชมป์วันคิกบ็อกซิ่งเวิลด์กรังด์ปรีซ์ คู่รองของรายการ ยอดมวยจังหวัดบุรีรัมย์ “ซุปเปอร์เล็ก เกียรติยศกลุ่ม 9” ลงศึกแย่งสายรัดเอวแชมป์โลกวันคิกบ็อกซิ่งรุ่นฟลายเวต กับแดเนียลพูแอร์ตัส คู่ปรปักษ์จากดินแดนกระทิงดุ

อีกหนึ่งคู่รองที่จำต้องมองเป็นศึกชิงชนะเลิศโลกวัน ปลุกปล้ำจับล็อกรุ่นฟลายเวต ระหว่างไมกีมูซูเมกี เจ้าบัลลังก์คนตอนนี้คุ้มครองปกป้องตำแหน่งกับ “กันทูมัวร์ บายานดูเรน” จากดูโกเลีย ตอนที่รถถังจิตรเมืองนนท์ ขอผ่านข้อตกลงจากมวยไทยมาฝ่าสายคิกบ็อกซิ่ง ประจันหน้านักต่อยจากดินแดนมังกรจีตัวยีปู นอกเหนือจากนั้น ห้ามพลาดกับห้ามพลาดกับศึกคิกบ็อกซิ่งรุ่นสตรอว์เวต ยังต้องเผชิญ

ขอแก้ตัว เสือใหญ่พร้อมพบ “สะแกงาม” ภาค 3 นัดหมายการเริ่มต้นวัน ลุมพินี

ถึงเวลาพิสูจน์ตนเองอีกที “ยักษ์เล็กแกร็นจูเนียร์” เสือใหญ่ ช.ห้าพยัคฆ์ นักมวยจอมแกร่งมากมายประสบการณ์ ขอแก้ตัวสำหรับเพื่อการพบกับ “รถถังจูเนียร์” สะแกงาม จิตรเมืองนนท์ ในศึกวินิจฉัยภาค 3 บนเวทีวันลุมพินี นัดหมายครั้งแรก วันศุกร์ที่ 20 ม.ค. 2566 สำหรับเพื่อการพบกัน 2 ไฟต์แรก เสือใหญ่เป็นข้างเสียทีให้นักมวยรุ่นน้อง โดยทีแรกเสียท่าโดนน็อกเอาต์ยกที่ 2

แล้วก็สำหรับเพื่อการรีแมตช์ เมื่อกรกฎาคมปีที่ผ่านมา เขาเป็นข้างแพ้แต้มอย่างโชคร้าย ในขณะที่แฟนมวยนิดหน่อยคิดว่าผู้ครอบครองสมญานาม “ยักษ์แคระจูเนียร์” ควรเป็นข้างได้รับการยกมือเป็นผู้ชนะ จนถึงเอามาสู่การจัดศึกภาค 3 เพื่อวินิจฉัยสำหรับเพื่อการต่อยพิกัดแคตช์เวต 112 ปอนด์ ในศึกวันลุมพินี 1 “ไฟต์แรกที่ผมถูกน็อก มันเป็นจังหวะที่ผมออกหมัด รวมทั้งเป็นความประมาทของตนที่ออกหมัดไปแล้วหลุด

ผมตั้งอกตั้งใจจะต่อยท้อง แม้กระนั้นสะแกงาม ขึ้นมาบน ทำให้ผมตกลงไปเลย ส่วนไฟต์ที่ 2 ผมศึกษาเล่าเรียนคลิปการต่อยของสะแกงาม เพิ่มอีก คุณครูมวยของผมมาช่วยแก้ทางให้ด้วย ทำให้การต่อยกลับมาใกล้เคียงขึ้น ผมรู้สึกเสียดายเมื่อผลของการวินิจฉัยออกมา เพราะเหตุว่ามีความคิดว่าพวกเราจะชนะ” ทำให้เพียงพอทราบดีว่าจะได้รับจังหวะแก้ตัวอีกรอบ

เสือใหญ่มีการคิดแผนฝึกหัดที่ครัดเคร่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ปรับสไตล์การต่อยให้คุ้นเคยกับการสวมนวมแบบเปิดนิ้วขนาด 4 ออนซ์ ของศึกวันลุมพินี ทำให้เขาจำเป็นต้องฝึกฝนออกอาวุธมากยิ่งขึ้น ชิงจังหวะเข้าออกด้วยความรวดเร็วกว่าเดิม รวมทั้งเพิ่มการปกป้องตัว “ครั้งนี้ผมออกจะมั่นอกมั่นใจ เนื่องจากพวกเราต่อยกันมาแล้ว 2 ครั้ง ทำให้ผมพอเพียงจะทราบทางมวยของสะแกงาม เพิ่มมากขึ้น เพิ่มอาวุธ

เพราะว่าเท่าที่ดูอย่างกับว่าเขาจะมีจุดอ่อนที่ขา แม้กระนั้นพวกเราจะต้องไม่ประมาท เพราะว่าน้องเขาจะต้องเตรียมความพร้อมมาดีเช่นกัน ผมว่าการต่อยวันที่ 20 ม.ค.นี้ คงจะสนุกสนาน รวมทั้งมันกว่า 2 ครั้งที่ผ่านมาแน่ ๆ ” ยิ่งไปกว่านี้ เสือใหญ่เอ่ยถึงการได้กลับมาสัมผัสบรรยากาศมนตร์ขลังของเวทีลุมพินี ที่เคยเป็นสังเวียนที่สร้างแรงกระตุ้น แล้วก็ความตั้งใจกระทั่งเขาแปลงเป็นนักมวยไทยที่เป็นที่รู้จักระดับหัวแถว

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมศึกวันลุมพินี ไม่เคยรู้สึกว่าตนเองจะได้โอกาสร่วมต่อยในรายการนี้ ด้วยเหตุว่าทุก ๆ วันนี้นักมวยเก่ง ๆ ผู้คนจำนวนมาก แม้กระนั้นเมื่อผมได้รับจังหวะจะพากเพียรทำให้เต็มกำลัง นับว่าเป็นศึกที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเป็นช่องทางของผมแล้ว ผมจะมีผลให้เยี่ยมที่สุดครับ” https://www.courirpourdesenfants.org