นักสู้ผู้เมตตา “เออิจิ โยชิคะวะ” ที่ใช้วิชา “หมัดมวย” ช่วยเหลือคนประเทศอื่นในประเทศญี่ปุ่น

นักสู้ผู้เมตตา

นักสู้ผู้เมตตา พวกเขามาจากประเทศอย่าง ไทย เวเนซุเอลา ประเทศเม็กซิโก และก็ ประเทศฟิลิปปินส์ พวกเขายากไร้มากมาย

นักสู้ผู้เมตตา บางบุคคลก็เรียนมาน้อยและไม่แต่งงานรอช่วยเหลือ บางโอกาสการต่อยมวยบางทีก็อาจจะเป็นเพียงแค่โอกาสเดียวของพวกเขา รวมทั้งชีวิตนอกสังเวียนของพวกเขามันยากลำเค็ญกว่าบนเวทีเสียอีก ความยากแค้น” เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการพบ

คนจำนวนไม่น้อยก็เลยบากบั่นดิ้นรนเพื่อออกไปให้พ้นจากจุดนี้ ด้วยแนวทางที่มากมายกันไป ตั้งแต่การลงทุนไปจนกระทั่งการลุ้นโชคซื้อสลากกินแบ่ง แต่ว่าสำหรับเออิจิโยชิคะวะ เขากลับใช้ “มวย” กีฬาที่นักสู้เป็นสิ่งที่ใช้ในการช่วยเหลือผู้คนให้พ้นจากความยากแค้น รวมถึงผู้ไม่ค่อยได้รับโอกาศ

เออิจิโยชิคะวะกำเนิดในปี 1961 ที่จังหวัดคางาวะ จังหวัดขนาดเล็กบนเกาะชิโกกุ ทางด้านตะวันตกเฉใต้ของประเทศญี่ปุ่น เขามีชีวิตในวัยเด็กด้วยการเจริญเติบโตมาจากวัด แต่ว่าไม่ใช่เพราะว่าเขามีฐานะยากจนข้นแค้น

แต่ว่าเป็นเนื่องจากว่าปู่ของเขาเป็นพระ (พระประเทศญี่ปุ่นสมรสได้) ทำให้โยชิคะวะ เติบโตมาอย่างเรียบง่าย จากการที่มีบ้านเป็นวัด และก็บันเทิงใจไปกับธรรมชาติรอบกาย อย่างการเที่ยวเล่นริมน้ำ เทือกเขา ไปจนกระทั่งชายหาด

ช่วงเวลาเดียวกันเขาก็ถูกใจสำหรับในการออกแรง โดยยิ่งไปกว่านั้นการเล่นกีฬา อย่างไรก็ตาม ถึงเขาจะรักสำหรับการเล่นกีฬาเยอะแค่ไหน ก็ไม่เคยมีความคิดจะต่อยมวยเลยสักหนึ่งครั้ง แบบนี้นี่เอง

แต่ว่ามันแปรไปในเวลาที่เขาย้ายมาอยู่เมืองโตเกียว เพื่อศึกษาต่อในสาขาวรรณกรรมประเทศฝรั่งเศส ในมหาวิทยาลัย ท่ามกลางแสงสี รวมทั้งสิ่งล่อตาตาล่อจิตใจในนครหลวง ทำให้คนอีกหลาย ๆ คนเสียผู้เสื่อมเสียมานักต่อนัก

แม้กระนั้นเขารังเกียจมันเอาเสียเลย โยชิคะวะรังเกียจไปดื่มพบปะข้างหลังเลิกเรียน ที่เป็นวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมของนักศึกษา เขาก็เลยเลือกที่จะใช้เวลากับสิ่งที่ต่างออกไป

“ผมต้องการจะทดลองทำอะไรสักอย่างที่เพื่อนร่วมห้องผมไม่ทำแน่ ๆ โดยเหตุนี้ผมก็เลยตกลงใจต่อยมวย” โยชิคะวะย้อนเรื่องในอดีตกับ เจแปน ไทม์

นักสู้ผู้เมตตา

นักสู้ผู้เมตตา เขาไปลงเรียนมวยกับ เคียวเอ บ็อกซิ่ง ยิม ที่เคยปั้นนักมวยให้เป็นแชมป์มาแล้วจำนวนมาก

นักสู้ผู้เมตตา หนึ่งในนั้นเป็น โยโกะ กูชิเคน แชมป์โลกรุ่นไลท์ฟลายเวต แล้วก็เป็นเลิศในนักมวยที่เหมาะสมที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ด้วยสถิติชนะ 23 จาก 24 ไฟต์ แล้วก็เป็นการชนะน็อกถึง 15 ครั้ง จากการทำตนอินดี้ เพื่อทำอะไรให้ไม่เหมือนกับเพื่อนฝูง เปลี่ยนเป็นความพอใจ แล้วก็ผันแปรเป็นความสนุกสนาน

นักสู้ผู้เมตตา ทำให้แม้กระทั้งหลังจากนั้นจบการศึกษา เขาก็ยังต่อยมวยถัดไป กับการทำงานในบริษัท “ผมเป็นพนักงานประจำอยู่ 7 ปีในเมืองโตเกียว ในเวลาเดียวกันก็ปฏิบัติงานเป็นโค้ชมวยในตอนเย็นไปด้วย”

โยชิคะวะกล่าวต่อ “เพื่อนผู้ร่วมการทำงานของผมจะไปดื่มกันข้างหลังเลิกงาน หรือตอนพักตอนกลางวันยาว ๆ แต่ว่าผมมิได้ไปกับพวกเขา ผมเคยฝึกวิ่งในระหว่างพักอาหารมื้อกลางวันมาแล้ว” เพราะว่าด้วยวัฒนธรรมประเทศญี่ปุ่น ที่ให้ท่านค่ากับคนทำงานหนัก

ทำให้พวกเขาชอบทำงานล่วงเวลากันจนถึงเที่ยงธรรมเนียม แม้กระนั้นมันก็มิได้คือปัญหาสำหรับโยชิคะวะ เมื่อเขาใช้แนวทางมาสะสางงานตั้งแต่ตอนเช้า เพื่อสามารถออกงานได้ทันเวลา จะได้ไปฝึกซ้อมมวยหรือสอนมวยต่อได้ ข่าวมวยไทย7สี

“โดยเหตุนั้นก็เลยไม่มีผู้ใดพร่ำบ่นเวลาผมออกมาจากบริษัทก่อน โดยที่คนอื่น ๆ ยังทำงานต่อในคืนนั้น” ก่อนที่จะมวยจะพาเขาไปสู่โลกอีกใบ อาจารย์มวยผู้เมตตา ถึงแม้ชีวิตในฐานะนักมวยมืออาชีพของเขาจะมิได้ดังเปรี้ยงปร้าง

แม้กระนั้นกับการเป็นโค้ชนั้นจัดว่าไม่เลว เมื่อโยชิคะวะสามารถปลุกปั้นลูกศิษย์ขึ้นไปครองแชมป์ประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จ หนึ่งในนั้นเป็น อิวาโอะ โอโตโมะ ที่ไปคว้าสายรัดเอว แชมป์เปี้ยนวัน รุ่นไลท์เวตของประเทศญี่ปุ่นมาครอบครอง ในปี 1987

อย่างไรก็แล้วแต่ ในเวลาที่โยชิคะวะ เริ่มจะมีชีวิตป้อมคงจะในฐานะคุณครูมวย เขาก็มีความคิดว่ากีฬาประเภทนี้ คงจะทำอะไรเพื่อสังคมได้มากกว่านั้น ก็เลยรู้สึกว่าจะใช้มวยเป็น “อุปกรณ์” สำหรับเพื่อการช่วยเหลือผู้คน ในปี 2001

โยชิคะวะได้ตั้งโครงงาน ที่จะรอดูแลสอดส่องเด็ก ๆ ไม่ให้หลงไปในทางที่ไม่ถูก โดยเริ่มจากเขตเมไดมาเอะ ในเขตเซตะงะยะในกรุงเมืองโตเกียว ตามชื่อโครงงาน ซึ่งเป็นเขตที่มีปัญหาอาชญากรรมสูงตอนนั้น

นักสู้ผู้เมตตา

เขาใช้แนวทางออกเที่ยวตรวจ และก็สอดส่องเด็ก ๆ กลางทางไปรวมทั้งกลับจากสถานที่เรียน

นักสู้ผู้เมตตา โดยตอนแรกเขา ออกเที่ยวตรวจผู้เดียว ก่อนที่จะต่อจากนั้น จะชักชวนนักมวย ที่เป็นศิษย์มาช่วยเหลือ กันตรวจทานไปกับเขาด้วย “นักมวยมีภาพลักษณ์ของชายผู้แกร่ง แม้กระนั้นผู้คนจำนวน ไม่ใช้น้อย กลับกับสังคมมิได้” โยชิคะวะชี้แจงกับ เจแปน ไทม์

“พวกเราจะคุย กับทุกคนที่เดินพบ รวมทั้งกระตุ้นให้พวกเขาบอกผม ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่” แผนการของเขาบรรลุ ความสำเร็จอย่างงดงาม เมื่ออาชญากรรมในชุมชน น้อยลงอย่างชัดเจน กรุ๊ปของเขาเปลี่ยน เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก สำหรับผู้ดูแล และก็ทำให้โครงงานนี้ ขยายไปในบริเวณต่าง ๆ

การอุทิศตนในคราวนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลชมเชยเกียรติยศระดับประเทศในปี 2004 ก่อนที่จะเขาจะเอาการราวดังที่กล่าวถึงแล้วไปเขียนเป็นหนังสือชื่อ บ็อกซิ่ง ดีเฟนด์ เนเบอร์ฮูด รวมทั้งพิมพ์ในปีถัดมา

แต่ไม่ใช่แค่ชาวญี่ปุ่นแค่นั้นที่โยชิคะวะ ให้การช่วยเหลือ เขายังให้ความใส่ใจไปที่คนขอบในสังคมอย่างชาวต่างชาติที่เดินทางมาสืบหาชีวิตใหม่ในดินแดนอาทิตย์อุทัยอีกด้วย เนื่องจากว่าโยชิคะวะ เคยไปศึกษาต่อที่มหานครนิวยอร์ก อเมริกา หลังสำเร็จการศึกษามหาวิทยาลัย

ทำให้เขาสามารถติดต่อด้วยภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยม แล้วก็เขาก็ใช้ “ภาษา” นี้เป็นสะพานสำหรับในการช่วยเหลือนักมวยต่างประเทศอายุน้อยที่เดินทางมาประเทศญี่ปุ่น เขาเล่าว่าหลาย ๆ คนมากับความฝันที่จะมีชีวิตที่ดียิ่งกว่านี้

แม้กระนั้นข้อเท็จจริงพวกเขาจะต้องพบกับขณะที่เหนื่อยยาก และก็ถูกเอาเปรียบ จากสถานะการเป็นคนต่างประเทศที่ทำให้ไม่ค่อยมีปากมีเสียง “พวกเขามาจากประเทศอย่าง ไทย เวเนซุเอลา ประเทศเม็กซิโก รวมทั้ง ประเทศฟิลิปปินส์ พวกเขาอนาถามากมาย บางบุคคลก็เรียนมาน้อยและไม่แต่งงานรอช่วยเหลือ”

โยชิคะวะชี้แจง “บางคราวการต่อยมวยบางครั้งก็อาจจะเป็นเพียงแค่หนทางเดียวของพวกเขา แล้วก็ชีวิตนอกสังเวียนของพวกเขามันยากลำเค็ญกว่าบนเวทีเสียอีก”

https://www.cornermxpark.com