มวยรุ่นเฮฟวี่เวต ไลท์เวต : รุ่นน้ำหนักที่กำลังไปสู่ยุคทองรวมทั้งหามความมุ่งมาดแวดวงมวยโลก

มวยรุ่นเฮฟวี่เวต

มวยรุ่นเฮฟวี่เวต มันน็อกกันง่าย ผู้ที่มองเลยติดภาพจำนั้น แม้กระนั้นคุณคอยมองรุ่นไลท์เวตให้ดีเถอะ

มวยรุ่นเฮฟวี่เวต ในตอนนี้เป็นรุ่นน้ำหนักที่เต็มไปด้วยยอดเยี่ยมนักต่อยที่น่าเร้าใจสูงที่สุดแล้ว ไมค์ ไทสัน สมัยก่อนแชมป์โลกเฮฟวี่เวตผู้มีอิทธิพลแสดงถึงความเห็นของมวยรุ่นน้ำหนักที่เขามั่นใจว่าจะบันเทิงใจแล้วก็มีคุณภาพที่สุดในยุคนี้

นั่นเป็น “ไลท์เวต” สำหรับนักต่อยที่หนักไม่เกิน 135 ปอนด์ บางครั้งก็อาจจะมิได้มองเห็นการน็อกเอาต์กันบ่อยมาก แต่ว่าในดิวิชั่นน้ำหนักนี้เป็นศูนย์รวมความมันศูนย์รวมนักต่อยดีกรีแชมป์ไว้มากไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วก็นี่เป็นเรื่องราวที่ทำให้ท่านไม่ต้องการพลาดมวยรุ่นน้ำหนักนี้

ยักษ์เล็ก ไล่ยักษ์ใหญ่ ไลท์เวต เป็นชื่อของรุ่นน้ำหนัก 1 ใน 8 รุ่นหลัก โดยระบุน้ำหนักไว้ระหว่าง 130-135 ปอนด์ (59-61.2 กก.) จากน้ำหนักที่กล่าวมาค่อนข้างจะเห็นได้ชัดว่านี่เป็นมวยรุ่นเล็กค่อนไปทางกึ่งกลาง ที่สปอตไลท์ไม่ค่อยส่องมาทางนี้ล้นหลามนักจนกว่ามาพีคสุด ๆ ในตอนสมัย 80 จะขอท้าทาย

อย่างที่ ไมค์ ไทสัน ได้กล่าวไว้ “มวยรุ่นเฮฟวี่เวต มันน็อกกันง่าย ผู้ที่มองเลยติดภาพจำนั้น” นี่เป็นเรื่องจริงที่ว่าเพราะอะไรมวยรุ่นยักษ์ถึงชื่นชอบคนดูและถูกเอ่ยถึงมากยิ่งกว่ารุ่นอื่นๆโดยฐานรากของผู้ชมมวยนั้น

สิ่งที่พวกเขามุ่งมาดจากการดูเป็นการได้มองเห็นนักมวยซัดกันหนักๆต่อยกันภายหน้าโยก ล้มลงไปกองให้โดนนับสิบ ซึ่งสิ่งกลุ่มนี้มองเห็นได้ง่ายที่สุดในรุ่นเฮฟวี่เวต เนื่องจากว่าน้ำหนักหมัดเปลี่ยนไปตามน้ำหนักตัว โดนทีเป็นหลับได้อย่างง่ายดาย เว้นแต่การเอาจริงเอาจังถูกจริตคอมวยแล้ว

มวยรุ่นเฮฟวี่เวต

มวยรุ่นเฮฟวี่เวต ยังเป็นศูนย์รวมนักต่อยที่มีเสน่ห์รวมทั้งโด่งดังมาตลอด

ไล่มาตั้งแต่สมัยเดิมในตอน สมัย 1920 จาก แจ็ค เดมพ์ซี่ย์ ส่งต่อมายัง โจ หลุยส์, ร็อคกี้ มาร์เซียโน่, มูฮัมหมัด อาลี, โจ เฟรเซียร์, จอร์จ โฟร์แมน, อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ รวมทั้ง ไมค์ ไทสัน ในตอนสมัย 1990 นักมวยทั้งสิ้นที่กล่าวมาไม่ใช่แค่ต่อยเก่ง แต่ว่ายังมีแนวทางต่อยที่มองบันเทิงใจด้วย

พวกเขาเป็นมวยบู๊ต่อยมัน แม้ว่าจะเป็นรุ่นยักษ์ แต่ว่าก็มีความเร็วแล้วก็ออกหมัดบ่อยครั้ง ทั้งยังเรื่องของเกียรติศักดิ์นอกสนามในระดับซูเปอร์สตาร์ แล้วก็ทรงอิทธิพลมุมมองอื่นๆของโลก พวกเขาทั้งปวงก็เลยเป็นภาพจำที่ทำให้มวยรุ่นเฮฟวี่เวตนั้นเป็นรุ่นที่ไม่มีใครต่อกรได้ที่สุด

และก็ทิ้งให้มวยรุ่นน้ำหนักอื่นๆเปลี่ยนเป็นพระรองไปอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ จนกว่าเมื่อถึงสมัย 1980 มวยรุ่นไลท์เวต ของคนน้ำหนักค่อยก็ถูกมองดูในมุมใหม่ เมื่อกำเนิด “สตาร์” ตัวจริงของรุ่นไลท์เวตอย่าง โรแบร์โต้ ดูรัน ผู้ครอบครองสมญานาม ข่าวมวยไทย7สี

“ไอ้หมัดหินแห่งปานามา” ที่ทำสถิติคุ้มครองป้องกันแชมป์ได้ถึง 12 ครั้ง แล้วก็ทำให้ มองรัน เปลี่ยนเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก กระทั่งคนไม่มองมวยก็ยังร้องอ้อได้อย่างง่ายดายเมื่อได้ยินชื่อของเขา แนวทางต่อยของ มองรัน มีกลเม็ดเด็ดพราย เอาจริงเอาจัง ที่สำคัญเป็นต่อยบันเทิงใจลำพองใจผู้ชม

ซึ่งเมื่อมีความเพลิดเพลินนำหน้าแล้ว ผู้ชมอย่างพวกเราก็จะต้องการมองมันอย่างตั้งใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นโลกก็เลยได้มองเห็นเสน่ห์ของมวยรุ่นไลท์เวตหรือรุ่นกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของแนวทาง ที่แสดงออกมามากยิ่งกว่ารุ่นน้ำหนักอื่นๆ

เนื่องจากว่ารุ่นนี้นับว่าเป็นรุ่นน้ำหนักกลางเสมอกันกับเพศชายทั่วๆไปส่วนมาก มันแลเห็นภาพอะไรได้หลายสิ่งหลายอย่าง ทั้งยังความเร็ว การชิงจังหวะ ฟุตเวิร์ก และก็แนวทางการต่อยที่จำต้องแม่นจริงๆเนื่องจากว่านักมวยทั้งสองมีเป้าให้ต่อยน้อยมากตามน้ำหนักตัว

ด้วยเหตุนั้นนี่เป็นความสนุกสนานอีกแบบที่แตกต่างจากรุ่นเฮฟวี่เวต ซึ่งไม่จำกัดน้ำหนัก ไม่มีการเพิ่มน้ำหนัก ไม่มีการต่ำลงมาเพื่อต่อยในรุ่นที่เล็กมากยิ่งกว่า จาก ดูรัน มวยรุ่นเล็กค่อนไปทางกึ่งกลางเริ่มฉายแววเพิ่มมากขึ้น

มวยรุ่นเฮฟวี่เวต

นักต่อยที่โด่งดังกลุ่มนี้ทำให้เกิดความสนุกสนานร่าเริงในเชิงกลยุทธ์

บางบุคคลเป็นมวยบ็อกเซอร์ บางบุคคลเป็นไฟเตอร์ ยิ่งในสมัยที่มีนักต่อยเก่งๆมากมายระจุกกันอยู่ในรุ่นนี้ แถมนักต่อยแต่ละคนก็ดังในวงกว้าง ก็เลยทำให้ไลท์เวตเป็นรุ่นน้ำหนักที่น่าดึงดูด รวมทั้งแปลงเป็นที่นิยมไม่แพ้รุ่นเฮฟวี่เวตเลยด้วย

ยุคนี้ยิ่งเห็นภาพชัด เพราะเหตุว่ามวยรุ่นเฮฟวี่เวต กระแสตกลงไปมาก เนื่องจากสตาร์ระดับเขย่าโลกนั้นเผยตัวให้มองเห็นน้อยอย่างยิ่ง ไล่มาตั้งแต่ตอนสมัย 2000 ก็เป็น 2 ญาติ วลาดิเมียร์ แล้วก็ วิตาลี่ คลิตช์โก้ จาก ยูเครน ที่แม้จะคว้าสายรัดเอวมาครอบครองได้

แม้กระนั้นก็ไม่อาจจะทำการตลาดมวยอเมริกันแตก จนกระทั่งทำให้กระแสดรอคอยปลงไปมาก ในขณะที่สมัยถัดมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกันนัก การชิงแชมป์วนไปวนมาอยู่ 3 คนสำคัญๆดังเช่นว่า แอนโธนี่ โจชัว, ดีออนเต้ ไวล์เดอร์ แล้วก็ ไทสัน ฟิวรี่ เพียงแค่นั้น

ซึ่งก็จะต้องสารภาพว่าทั้งปวงยังไม่อาจจะสร้างชื่อเปรียบเทียบชั้นตำนานรุ่นยักษ์สมัยเก่าๆได้เลย ตอนขาลงของรุ่นใหญ่ ก็เปลี่ยนเป็นยุคทองของรุ่นเล็กค่อนไปทางกึ่งกลางในทันทีทันใด ปาเกียว กับ ฟลอยด์ มวยไทย

ต่อยกันหนึ่งครั้งปัดกวาดค่าถ่ายทอดสดและก็ค่าเพย์เพอร์ทิวทัศน์ไประดับสถิติโลก (ถึงคู่นี้จะพบในพิกัดที่ใหญ่มากยิ่งกว่าอย่าง เวลเตอร์เวต 140-147 ปอนด์ หรือ 63.5-66.6 กิโลก็ตาม) นักต่อยทั้งยัง 2 คนได้เงินเข้ากระเป๋ากันคนละมากยิ่งกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่งแน่ๆว่าทั้งสองทำในสิ่งที่นักต่อยอย่าง ไมค์ ไทสัน หรือตำนานมวยเฮฟวี่เวตในสมัยก่อนๆทำเป็น โน่นเป็นการผลิตชื่อกระทั่งผู้ที่ไม่มองมวยยังรู้จัก จุดนี้เองที่ทำให้กระแสที่นิยมของโลกแปรไป มวยรุ่นเล็กถึงกึ่งกลาง ที่มียอดความสามารถเยอะไปหมด เปลี่ยนเป็นที่ถูกตาถูกอกถูกใจของคอมวยทั่วทั้งโลก

ขณะทั้งหมดทั้งปวงถูกต่อยอดมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ในช่วงเวลาที่นักต่อยรุ่นเฮฟวี่เวตท้าทายกันเป็นปีๆกว่าจะได้ต่อยกันจริงๆ(แถมบางโอกาสท้าทายแล้วไม่ต่อยกันเสียรู้ก็มี) แต่มีมวยรุ่นที่มีนักต่อยเก่งๆเกิดมามาก

แล้วก็เมื่ออัตราการประลองสูง มวยรุ่นเล็กก็เลยไม่ย้ำคุยโวโอ้อวดกันมากสักเท่าไรนัก ได้โอกาสต่อยจำเป็นต้องต่อย มีผู้ท้าแข่งเข้ามาจำต้องรับ … รุ่นน้ำหนักที่พูดถึงเป็น “ไลท์เวต” รุ่นน้ำหนักที่เต็มไปด้วยของแท้ ที่สื่อต่างๆยกให้เป็นรุ่นนำหนักที่มีความมันและก็เอนเตอร์เทนผู้ชมได้มากที่สุดตอนนี้