นักมวยสากล บีทีเอฟแสงสว่างแห่งความฝันของนักมวยสากล
นักมวยสากล กระดานบริหารของไอโอซี ลงความเห็นไม่ตัดกีฬามวยสากล ออกมาจากการประลองโอลิมปิก2020
นักมวยสากล จนกระทั่งช่วงวันที่ 22 เดือนพฤษภาคม 2562 กระดานบริหารของไอโอซี ลงความเห็นไม่ตัดกีฬามวยสากล ออกมาจากการประลองโอลิมปิก 2020 แม้กระนั้นห้ามไอบ้า เข้ามาเป็นผู้จะรับผิดชอบ
เนื่องจากว่าความโปร่งสบายใสของหน่วยงานที่ยังไม่อาจจะขจัดปัญหาได้ พร้อมก่อตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า บ็อกซิ่ง แท็ก ฟอเรค หรือ บีทีเอฟขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่จัดแจงชิงชัยแทน โดยมีโมรินาริ วาตานาเบะ ประธานสมาพันธ์ยิมนาสติกนานาชาติ เป็นประธาน
พร้อมทั้งทีมงานผู้ตัดสินจาก 5 ทวีป รวมทั้งต่างสมาพันธ์กีฬา จุดมุ่งหมายของบีทีเอฟ จัดขึ้นเพื่อทำให้การประลองมวยสากลในโอลิมปิก 2020 เป็นไปโดยความเป็นธรรม และก็เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติภารกิจเลือกสรรนักมวยลงแข่งขันในโอลิมปิก
ปฏิบัติงานร่วมกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากลในแต่ละประเทศ จุดยืนสำคัญนอกเหนือจากการวินิจฉัยที่ใสสะอาดแล้ว ยังพร้อมยอมรับฟังเสียงของนักกีฬา รวมทั้งทำให้ชาวโลกมั่นใจได้ว่า จะได้นักมวยที่เยี่ยมที่สุด ที่คว้าเหรียญทองในแต่ละประเภท
ส่วนการจัดหาผู้ตัดสิน จะไม่ใช่ผู้ตัดสินที่ผ่านการคัดสรรจากไอบ้าเลย โดยจะเลือกจากคนที่มีประสบการณ์สูง แล้วก็มีประวัติการวินิจฉัยที่สุดยอด โดยบีทีเอฟ มีการประเมินผู้ตัดสินแต่ละคนด้วยตัวเองในตอนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา
ก่อนที่จะส่งไปปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละไฟต์ สำหรับในการคัดระดับทวีปทั้งยัง 5 โซน ปรากฏว่าไม่มีการร้องทุกข์การวินิจฉัยเท่าไรนัก ซึ่งก็ดูเหมือนกับว่าบีทีเอฟ จะอยู่ในเหตุการณ์ที่ได้รับการยินยอมรับจากสหพันธรัฐมวยในแต่ละชาติ
แต่ว่าหัวข้อหลักดันมาเกิดขึ้น ในตอนโค้งสุดท้าย เมื่อบีทีเอฟ ตกลงใจยกเลิกทัวร์นาเมนต์ เวิร์ค คิวลิฟิเฟอร์ ที่เป็นรายการเลือกเฟ้นนักกีฬาที่ยังไม่ผ่านการคัดสรรระดับทวีป เหตุเพราะเหตุการณ์วัววิด-19 แล้วก็เป็นห่วงความสะดวกของนักกีฬา
ก่อนที่จะตกลงใจคัดเลือกเอานักกีฬาที่อันดับยอดเยี่ยมแม้กระนั้นยังไม่ผ่านเข้ารอบ ในแต่ละรุ่นไปแทนโดยไม่ต้องลงสู่สังเวียน หัวข้อนี้ ไอบ้าออกมาวิพากษ์หลักการทำงานของบีทีเอฟ ว่า เป็นการตัดสิทธิ์นักกีฬาที่เตรียมตัว
เพื่อไปคัดเลือกโอลิมปิกในรอบนี้ แล้วก็จะไม่ได้นักมวยที่มีฝีมือจริงๆลงแข่งขัน ส่วนสมาพันธ์มวยบางประเทศ เป็นต้นว่า อูกานดา ก็ออกมาพร่ำบ่นถึงหัวข้อนี้เหมือนกัน ว่าทางบีทีเอฟ ไม่น่ายกเลิกการเลือกเฟ้นครั้งนี้ ข่าวมวยไทย7สี
โอลิมปิกได้อะไรจากการจัดมวยสากล
นักมวยสากล สิ่งที่โอลิมปิก เพียรพยายามรักษาให้กีฬาชกมวยยังคงสภาพในโอลิมปิก นอกเหนือจากสิ่งที่เคยกล่าวไว้ว่า เพื่อเป็นการเปิดโอกาสนักกีฬามวยสากลได้โชว์ในโอลิมปิกแล้ว สิ่งจำเป็นที่กีฬาชกมวยไม่อาจจะหลุดจากกีฬาโอลิมปิก
ก็คือ ส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีความจำเป็นไม่แพ้กัน เดี๋ยวนี้ กีฬาในโอลิมปิก มีการแบ่งประเภทความชื่นชอบ โดยพิจารณาจากต้นเหตุดังต่อไปนี้เป็น 1.ความนิยมชมชอบทางโทรทัศน์ 40%, ความนิยมชมชอบทางโลกออนไลน์ 20%,
ผลที่เกิดจากการสำรวจจากแฟนกีฬา 15%, ความนิยมชมชอบจากบัตรเข้าชมการประลอง 10%, การโฆษณาผ่านสื่อ 10% และก็ ปริมาณสมาชิกในสมาพันธ์ 5% โดยถ้าเกิดจัดลำดับตามกลุ่มแล้ว จะจัดลำดับดังต่อไปนี้ ไล่จาก เอ-อี เป็นเป็นที่นิยมสูงสุดไล่เรียงลงไป
กลุ่มเอ : กรีฑา, กีฬาที่เล่นในน้ำ , ยิมนาสติก กลุ่มบี : รถจักรยาน, เทนนิส, บาสเกตบอล, ฟุตบอล, วอลเลย์บอล กลุ่มซี : ยิงธนู, แบดมินตัน, มวยสากล, ยูโด, เรือพาย, ยิงปืน, เทเบิลเทนนิส และ ยกน้ำหนัก
กลุ่มดี : เรือแคนู/คายัค, ขี่ม้า, ฟันดาบ, ฮอกกี้ , แฮนด์บอล, เรือใบ, เทควันโด, ไตรกีฬา, มวยปล้ำ กลุ่มอี : ปัญจกรีฑาสมัยใหม่, กอล์ฟ, รักบี้ ส่วนกีฬาที่มีการมากขึ้นมา อย่าง สเกตบอร์ด, ปีนหน้าผา, โต้คลื่นรวมทั้งเบรกแดนซ์ (โอลิมปิก 2024)
จะยังไม่ได้พิเคราะห์เข้ามาในกลุ่มนี้ เพราะเหตุว่าจำเป็นต้องคอยการวัดผลข้างหลังจบการแข่งขันชิงชัยในแต่ละครั้ง จากการจัดกรุ๊ปดังที่กล่าวมาข้างต้น เห็นได้ชัดว่า กีฬามวยสากล ยังจัดเป็นกีฬาที่จะสร้างค่าจากการถ่ายทอดสด ให้กับการประลองโอลิมปิกได้
เพราะอยู่ในกรุ๊ป ไทเกอร์ ซี ซึ่งมีผู้เข้าชมการประลอง และก็ความชื่นชอบอยู่ในระดับที่สูง ถ้าเกิดตัดการแข่งขันชิงชัยมวยสากลออกไป จะทำให้เกิดผลกระทบในรูปภาพรวม โดยยิ่งไปกว่านั้นในด้านของธุรกิจ เพราะฉะนี้ ก็เลยเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้กีฬาโอลิมปิกยังควรจะมีมวยสากลอยู่
เพราะว่าถ้าหากว่าไม่มีกีฬาประเภทนี้ ผลพวงจะกำเนิดกับทุกภาคส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การที่โอลิมปิกมาเป็นผู้จัดเอง ใช่ว่า จะไม่เจ็บตัว ด้วยเหตุว่าการจัดการแข่งทุกอย่าง ทุกขั้นตอน และก็การคัดเลือกคณะกรรมการตัดสิน ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างโอลิมปิก
จึงควรใช้งบประมาณของตนเองสำหรับในการลงทุน แม้กระนั้นพวกเขามั่นใจว่า สิ่งที่กลับมาในเชิงธุรกิจ จะคุ้มค่า และก็ที่คุ้มค่าที่สุด ก็คือ การปรับภาพลักษณ์ของกีฬาชกมวยสากล ให้กลับมาน่าไว้ใจอีกรอบไอบ้า(หวัง) รีเทิร์น
ตอนที่บีทีเอฟ จัดแจงแข่งอยู่นั้น ไอบ้าไม่ได้อยู่นิ่งคอยวันตาย แต่ว่ายังคงมีการขยับเขยื้อนสำหรับการปฏิวัติหน่วยงานอยู่ตลอด โดยช่วงปลายปี 2563 ได้มีการออกเสียงประธานไอบ้าคนใหม่ แล้วก็คนที่ได้รับตำแหน่งเป็นอูมาร์ เครมเลฟ
จากรัสเซีย ป้ายประกาศจะมีผลให้ไอบากลับมาเป็นที่เชื่อใจของให้ชาวโลก และก็ไอโอซีอีกรอบ ให้ทันเวลาแข่งโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส โดยงานแรกของเขาหมายถึงจะต้องรีบสะสางหนี้ที่มีอยู่ พร้อมก่อตั้งอะคาเดมีมวยทุกทวีป เพื่อปรับปรุงนักมวย,
ผู้ฝึกสอนแล้วก็ผู้ตัดสิน และก็ที่สำคัญที่สุดเป็น การบริการหน่วยงานทุกภาคส่วนควรจะเป็นไปโดยความเป็นธรรม ไม่ให้ซ้ำรอยเดิม นอกเหนือจากนี้ ไอบ้ายังดึง รอย โจนส์ จูเนียร์ สมัยก่อนนักมวยที่ถูกวินิจฉัยอย่างคัดค้านสายตาเมื่อปี 1988
เข้ามาร่วมเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งในกลุ่มแก้ไข โดยเขาพูดว่า ไม่ต้องการให้ความไม่ยุติธรรมที่เคยเกิดขึ้นกับเขาที่กรุงโซล เกิดขึ้นกับคนไหนกันอีก ด้วยเหตุว่าในคราวนั้น ตัวเขาควรได้เหรียญทองเป็นอย่างมาก เป็นกลางจริงไหม.. ใครจะรู้ ?
ไม่มีผู้ใดตอบได้ในขณะนี้ว่า รูปแบบการทำงานของบีทีเอฟ ในโอลิมปิกคราวนี้จะปฏิบัติหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบหรือเปล่า เนื่องจากว่าอาจจะจะต้องได้ผลตอบรับจากแฟนมวย, นักกีฬาและก็สตาฟฟ์ผู้ฝึกสอน เป็นคนที่วินิจฉัยผลงานของพวกเขา ในที่สุดจะซ้ำรอยยุคมืดของไอบ้าหรือไม่นั้น
มั่นใจว่านักกีฬาทุกคนอาจไม่มีผู้ใดต้องการเอาฝันมาทิ้งบนสังเวียนผ้าใบโอลิมปิก เพียงแค่เนื่องจากการวินิจฉัยที่ไม่แฟร์ จากผู้ตัดสินเพียงแต่ 5 คนอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงเวลาข้ามรุ่น